: ที่ห้อง ICU

  

  

     หลังจากผมผ่าตัดเสร็จ ผมตื่นขึ้นมาอยู่ในห้อง ICU ผมขยับตัวไม่ได้เลย คอก็หันซ้าย-ขวาไม่ได้ ทางแม่ผมก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง หมอได้ผ่าตัดที่ต้นคอและได้ใส่เหล็กเข้าไป ใส่น็อตขันยึดติดกลับกระดูกไว้ 4 ตัว และถ่วงลูกตุ้ม 2 กิโลกรัม เพื่อดึงกระดูกและเหล็กไว้ให้ประสานเข้าหากัน แขนด้านขวาของผมหักและได้เข้าเฝือกไว้ มีสายออกซิเจนและสายอะไรอีกก็ไม่รู้เต็มไปหมด ผมเห็นสีหน้าของแม่ผมแล้วรู้สึกไม่ดีเลย ในตาของท่านเศร้ามาก บวกกับที่ท่านนอนไม่หลับด้วยที่ได้ยินข่าวผมเกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งคุณพ่อ พี่ น้องรวมทั้งญาติทางแฟนผม ผมรู้สึกได้ทุกคนเป็นห่วงมาก ผมพยายามจะบอกทุกคนว่าไม่เป็นไรแล้ว ยังสบายดี เพื่อทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็พูดไม่ออก ตัวผมเองเริ่มใจหายและเริ่มสงสัยตัวเองว่าเราทำไมพูดไม่ออก แล้วค่อยๆตั้งสติและเริ่มพิจารณาตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเราบ้าง

คอผมเองครับ



1.การหายใจไม่สะดวก

2.แขนไม่ค่อยมีแรง

3.ตั้งแต่หน้าอกลงมาไปจนถึงปลายเท้าไม่รู้สึกเลย ( สูญเสียการควบคุม )


 ตัวผมร้อนไปทั้งตัว สับสนไปหมด นี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับสติแตกครับ ในความรู้สึกตอนนั้นคิดว่าเดี๋ยวมันดีขึ้น ระหว่างที่อยู่ในห้อง ICU คุณแม่ผมและน้องชายเปลี่ยนกันเฝ้าผม คอยเช็ดตัวให้ผมตลอดทั้งคืนทั้งวัน ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากๆ แต่ก็ได้กำลังใจจากญาติผม และทางแฟนผม รวมทั้งทางสหภาพโรงงานผมเป็นอย่างดี คืนที่สามผมติดเชื้อในปอด ทางคุณหมอบอกว่า ถ้าผมผ่านคืนนี้ไปได้แนะนำให้ย้ายโรงพยาบาล เพราะที่นี้ไม่คอยสะอาดครับ ทางสหภาพโรงงานผมช่วยให้ผมย้ายไปโรงพยาบาลอื่น (ขอขอบคุณทางสหภาพ NHK SPRING (THAILAND) CO.,LTD ด้วยนะครับ ถ้าทางสหภาพไม่ช่วยผม ผมอาจไม่รอดเลยก็ได้ครับ ) วันรุ่งขึ้นผมก็ได้ย้ายไปโรงพยาบาลที่แฟนผมพักฟื้นอยู่ เพื่อนๆที่ทำงานเมื่อได้ยินข่าว ต่างพากันมาเยี่ยมผมและแฟนผม 


ทางเดินยังแสนไกล อย่าใส่ใจสิ่งผ่านมา
ชีวิตยังมีค่า วันเวลาอีกยาวไกล
พรุ่งนี้ยังมีอยู่ ยืนหยัดสู้อย่าหวั่นไหว
ก้าวเถอะก้าวต่อไป หนทางใจไม่เลือนลาง




ขอบคุณครับที่อ่านข้อความของผม









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น